Vitamin IV Drip

Chelation

    คีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy) คือ การล้างสารพิษในหลอดเลือดผ่านทางหลอดเลือดดำ โดยมีกรดอะมิโนเป็นสารประกอบ ซึ่งเรียกว่า EDTA ผสมกับแร่ธาตุและวิตามินต่างๆ ที่จำเป็น โดยทำหน้าที่สำคัญในการจับสารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท สารหนู หรือแม้แต่แคลเซียมส่วนเกินที่สะสมตกค้างในเนื้อเยื่อ และพอกอยู่ตามผนังหลอดเลือดของเรา ซึ่งเป็นอันตรายต่อผนังเซลล์และผนังหลอดเลือด เพื่อขจัดออกจากร่างกายทางระบบปัสสาวะและระบบขับถ่าย

ทำไมต้องคีเลชั่น

  • เมื่อร่างกายได้รับสารพิษจากสิ่งแวดล้อมเข้ามาโดยไม่รู้ตัว และเกิดสะสมมากขึ้นจะทำให้ร่างกายผลิตสารอนุมูลอิสระที่ส่งผลเสียต่อระบบทำงานของร่างกาย ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา ซึ่งสารพิษที่เป็นสาเหตุปัญหาสุขภาพนั้นมีหลายประเภท ดังนี้
  • สารพิษจากสารเคมี ได้แก่ สารปรุงแต่งอาหาร (ทั้งสี กลิ่น รส) ผงชูรส เครื่องสำอาง เช่น แชมพู ยาย้อมผม ลิปสติก ยาทาเล็บ หรือแม้แต่ยาแผนปัจจุบัน ซึ่งสารพิษเหล่านี้สามารถเข้าทางปาก ทางศีรษะ ทางผิวหนัง ผ่านเข้าทางหลอดเลือดฝอยเข้าไปสะสมในตับ
  • สารพิษจากโลหะหนัก ได้แก่ ควันรถ ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ยาฆ่าแมลง สารตะกั่ว โลหะหนัก หากมีการสะสมของสารพิษประเภทนี้เป็นจำนวนมากอาจส่งผลให้เกิดอาการทางระบบสมองได้
  • สารพิษจากฟอร์มาลีน ได้แก่ อาหารทะเลแช่แข็ง ผักและผลไม้ที่สดกรอบเกินไป ภาชนะบรรจุอาหารหรือเครื่องดื่ม ถุงใส่อาหารร้อน เป็นต้น

ใครบ้างที่เสี่ยงได้รับสารพิษโลหะหนัก

  • ผู้ที่สูบบุหรี่ ทั้งบุหรี่ปกติหรือบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะได้รับสารพิษโลหะหนักจำพวกแคดเมียม สังกะสี ตะกั่ว นิกเกิล หรือทองแดง
  • มลภาวะทางท้องถนนหรือ PM 2.5 กลุ่มนี้มักจะพบสารหนูหรือแคดเมียม และทังสเตนปริมาณมาก
  • อุปกรณ์ที่ใช้ทำอาหาร เช่น หม้อก๋วยเตี๋ยวอลูมิเนียม การต้มด้วยความร้อนเป็นเวลานานๆ ทำให้สารอลูมิเนียมออกมากับน้ำซุปได้
  • อาหารและพืชผลทางการเกษตรที่มีสารปนเปื้อน เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมีต่างๆ เนื้อสัตว์ที่ฉีดฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต อาหารทะเลที่มีโลหะหนัก อาหารปิ้งย่าง
  • เครื่องสำอาง เช่น ยาย้อมผม แชมพู ลิปสติก ยาทาเล็บ สเปรย์ฉีดตัว มักจะพบสารแคดเมียมและอลูมิเนียม
  • อุดฟันด้วยอมัลกัม หรือที่อุดฟันที่มีสีเงิน
  • บริโภคยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น ยาแผนโบราณ ยาลูกกลอน ยาชุด

ประโยชน์ของการทำคีเลชั่น

  • ดีท็อกซ์สารพิษ ขับโลหะหนักที่ตกค้างในหลอดเลือด
  • ลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคมะเร็ง
  • ทำให้หลอดเลือดสะอาดมีความยืดหยุ่นสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆในร่างกาย
  • ลดอาการอักเสบของผิวหนัง
  • ลดการเกิดข้ออักเสบ
  • ลดอาการหอบหืด ภูมิแพ้
  • บรรเทาอาการเหน็บชา
  • ระบบการทำงานของปอดดีขึ้น
  • บรรเทาอาการอัลไซเมอร์
  • ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ
  • บำบัดภาวะเหนื่อยเมื่อยล้าเรื้อรัง

คีเลชั่นควรทำบ่อยแค่ไหน

ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ อาจทำทุกสัปดาห์ หรือ 2 4 สัปดาห์ต่อครั้งได้ ขึ้นอยู่กับอาการและผลตรวจร่างกายของแต่ละบุคคล และควรทำต่อเนื่องอย่างน้อย 5 10 ครั้ง เพื่อขจัดสารพิษให้ลดลงอยู่ในระดับที่ปลอดภัย

Liver Detox

     การดีท็อกซ์ตับ หรือการล้างพิษตับ คือ การให้วิตามินต่าง ๆ ที่จำเป็นทางหลอดเลือดดำ เช่น วิตามินซี วิตามินบี กรดอะมิโน กลูตาไธโอน แมกนีเซียม เปปไทด์ และสารอาหารต่าง ๆ ที่จะช่วยเข้าไปส่งเสริมการทำงานของตับ เพื่อให้ตับสามารถขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีขึ้น ช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์ที่ได้รับจากการล้างพิษตับ

  • ป้องกันตับจากสารพิษ ยา และสารจากแอลกอฮอล์
  • เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยต่อต้านทำลายเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์ตับ ไม่ให้ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ
  • ช่วยลดการสะสมของไขมันที่ตับ และลดการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด
  • สร้างเอนไซม์ชนิดต่างๆ หลายชนิด ที่ช่วยให้ตับขับสารพิษออกจากร่างกาย
  • ช่วยบำรุงเซลล์ตับให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น เร่งการขับสารพิษในร่างกาย ปกป้องสารพิษจากการทำเคมีบำบัดในผู้ป่วยมะเร็ง
  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายให้แข็งแรง สามารถต่อต้านเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม บรรเทาความรุนแรงของหวัดหรืออาการภูมิแพ้
  • ช่วยป้องกันและต่อสู้กับมะเร็ง ช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ และคืนความสดชื่นให้กับเซลล์ทั่วร่างกาย
  • ช่วยให้ร่างกายสามารถรีไซเคิลสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่างๆ กลับมาใช้ได้ใหม่ เช่น กลูต้าไทโอน และวิตามินซี
  • ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเนื้อเยื่อในร่างกาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับผิวหนัง คอลลาเจน อิลาสติน เส้นเอ็น และความแข็งแรงยืดหยุ่นของหลอดเลือด
  • ทำให้ผิวพรรณกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ

ใครที่ควรทำ

  • ผู้ที่ดื่มเหล้าและสูบบุหรี่เป็นประจำ
  • ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารประเภทปิ้ง ย่าง ของทอด อาหารที่ผ่านการแปรรูป เช่น ไส้กรอก หมูยอ และอาหารที่มีสารกันบูดปนเปื้อนเป็นประจำ
  • ผู้ที่นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ และมีความเครียดสะสม
  • ผู้ที่ต้องทำงานสัมผัสสารพิษหรือสารเคมีเป็นประจำ เช่น เกษตรกร ผู้ที่ทำงานใกล้โรงงานอุตสาหกรรม ผู้ที่ชอบทำสีผมหรือทำสีเล็บประจำ เป็นต้น
  • ผู้ที่มีประวัติรับประทานยาหรือสมุนไพรต่อเนื่องเป็นประจำ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคตับ เช่น ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ, ตับแข็ง, ไขมันพอกตับ เป็นต้น
  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
  • ผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณที่ภาวะมลพิษทางอากาศสูง เช่นในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูง

ควรทำบ่อยแค่ไหน

     จำนวนครั้งที่ทำขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และปัญหาสุขภาพของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปสามารถทำได้ 1 ครั้ง/สัปดาห์ แต่ในบางกรณี เช่น รักษาพาร์กินสัน สามารถเพิ่มจำนวนครั้งได้ตามคำแนะนำของแพทย์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy